หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จักกับ PHP

        PHP ย่อมาจากคำเต็ม  Professional Home Page  ถูกพัฒนาโดย Mr.Rasmus Lerdorf เริ่มเผยแพร่เมื่อปีพ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) และต่อมา มีการปรับปรุงโดย Mr.Zeev Saraski และ Andi Gutmans ทำให้สมบูรณ์ และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รูปแบบของภาษาคล้ายๆกับภาษา C แต่ใช้งานง่ายกว่า รูปแบบภาษาไม่ซับซ้อน ติดต่อกับฐานข้อมูลได้หลากหลาย มีลักษณะการทำงานแบบ Server-side script
ซึ่งทำงานบนเครื่องให้บริการ (Server)  คือเมื่อเราเปิดเว็บไซต์มีการร้องขอเปิดเว็บไซต์ไปยังฝั่งของ Server และไฟล์ PHP ต่างๆจะถูกเก็บไว้ทางฝั่งของ Server เมื่อมีการเรียกใช้แล้วก็จะส่งกลับมาประมวลผล ที่เครื่องของเราในรูปแบบของ ภาษา HTML นั้นเอง

     ทีนี้เพื่อนๆคงสงสัย เว็บไซต์ของเรานั้น สามารถเขียนด้วย ภาษา HTML ได้อยู่แล้ว ทำไมต้องใช้ภาษา PHP มาเขียนเพิ่มให้ยุ่งยาก  ช่ายมะ ก็จริงอยู่ เว็บไซต์ประกอบด้วยภาษา HTML เป็นโครงสร้าง

หรือการเขียนเว็บโดยการใช้โปรแกรม Dreamweaver แม้จะมีเครื่องมือที่เราสามารถมาจับ ลาก วาง ให้เรา พร้อมเลย  แต่แท้จริงแล้วคือการสร้างชุดภาษา HTML สำเร็จรูป แต่ ภาษา HTML จะสร้างเว็บที่แสดงผลตายตัว (Static Web) ทุกครั้งที่ต้องการนำเสนอข้อมูลใหม่ ๆ ผ่านหน้าเว็บ จะต้องทำการแก้ไขใหม่ทุกครั้ง ซึ่งเสียเวลา ภาษา PHP จะช่วยให้เว็บสามารถตอบสนองสารสนเทศกับผู้ใช้ได้ (Dynamic Web) เช่น การแสดงผลตามเงื่อนไขที่ระบุ การป้อนสารสนเทศลงสู่ฐานข้อมูล การลบสารสนเทศที่ไม่ต้องการ    ดังนั้น การใช้ภาษา PHP มาสนับสนุนการทำงานของภาษา HTML จะช่วยลดภาระในการทำระบบเว็บระยะยาวได้ เพียงแต่ตอนเริ่มสร้างต้องอาศัยความรู้และขั้นตอนการสร้างที่มากกว่า HTML เพียงอย่างเดียว เราสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการเขียนภาษา PHP รวมทั้ง Dreamweaver ก็ได้
ทีนี้เราก็มาลองเขียน PHP เบื้องต้นกัน

รูปแบบการเขียน PHP



เพื่อนเปิดโปรแกรม Dreamweaver ขึ้นมา จากนั้นเลือก คลิ๊กที่ File >> New จะมีหน้าต่างขึ้นมา ก็ให้เพื่อนๆเลือก category ทางซ้ายมือ เป็น Dynamic Page  แล้วทางขวามือ ให้เลือกเป็น PHP จะอยู่ด้านล่าง แล้วกด create จากนั้นเพื่อนๆลองเขียนภาษา PHP กันดู



เป็นไงครับ กด save แล้วกด F12 ดูนะครับกับ   PHP เบื้องต้น







วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จักกับ HTML

HTML ย่อมาจากคำว่า Hypertext Markup Language เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการแสดงผลบนเว็บบราวเซอร์ในอินเทอร์เน็ต HTML จะเป็นไฟล์ข้อความ ที่มีนามสกุลของไฟล์เป็น .html โดยไฟล์ของภาษานั้นจะประกอบไปด้วย Tags แท็ก (Tag) หลายคำสั่งประกอบกันเป็นโครงสร้าง
การทำงานจะประกอบไปด้วย2ส่วนคือ ส่วน เขียนไฟล์ จะเป็นโปรแกรมพวก Edittor ต่างๆ เพื่อที่เราเขียนรายละเอียดลงไปแล้วสร้างเป็นไฟล์.html ให้เรา Edittor ก็เช่น Notepad  หรือใช้ Dreamweaver เขียนก็ได้ แล้วแต่ความถนัดและความชอบของแต่ละคน ส่วนที่2คือส่วนแสดงผล คือโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ต่างๆ เพื่อนๆคงรู้จักกันดี เป็นโปแกรมที่ดูผลลัพธ์จาการเขียนที่เราHTMLไป ว่ามีหน้าตาออกมาอย่างไร
 
 
โครงสร้างของภาษาHTML



คำสั่งของภาษาจะอยู่ในเครื่องหมาย <    > เสมอ
ต่อมาจะอธิบายทีละบรรทัดเลยนะครับ
   < HTML >...  <  / HTML  >      เป็นคำสั่งแรกที่ต้องมีในภาษา HTML เพื่อบอกว่านี่คือภาษา HTML โดยจะอยู่ที่จุดเริ่มต้นของชุดภาษาและท้ายสุดของชุดภาษาในแต่ละโปรแกรม

<  HEAD  > ... < /  HEAD  >  เป็นส่วนกำหนดรายละเอียดหัวข้อเรื่อง ซึ่งภายในได้บรรจุชุดคำสั่งย่อยลงไปอีกนั้นก็คือ <  TITLE  >    < / TITLE  > นั้นเอง  เพื่อใช้แสดงหัวเรื่องที่ Title bar ของเว็บบราวเซอร์ อยากรู้เป็นยังไง ลองมองไปที่บนสุดของบล็อกผมสิ  ข้อความเหล่านั้น นั้นแหละ

< BODY  > …  < / BODY  > ส่วนนี้เป็นส่วนของเนื้อหาเว็บเพจของเรา ซึ่งข้อมูลที่อยู่ในนี้จะเป็นส่วนหลักที่แสดงในเนื้อหาหน้าเพจของเรา พอเข้าใจยังหละครับ ลองทำดูก็ได้นะ

1  ให้เพื่อนๆเปิด Notpad ขึ้นมา
2  เขียนชุดคำสั่งตามข้างบนลงไปใน Notpad เลยครับ
3 ในส่วนของ BODY นั้น ภาใน เพื่อนๆสามารถลองใส่ข้อความอะไรลงไปดูก็ได้นะครับ
4 เมื่อเขียนเสร็จแล้วให้เพื่อนตั้งชื่อ ไฟล์ แล้วตามด้วย . html ลงไปด้วย เช่น ตั้งชื่อเป็น TEST.html แล้วจากนั้นกดsave แล้วของคลิ๊กที่ไฟล์นั้นดู



วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การสร้างรายได้จากBlog

     มาถึงตรงนี้ แล้วเพื่อนๆที่มีบล็อกเป็นของตัวเอง ได้มาอ่านหัวข้อนี้คงสนใจและอดสงสัยไม่ได้ ว่าจะทำยังไงให้มีรายได้จากการทำบล็อก? อันที่จริงแล้วก็มีอยู่หลายวิธีแต่ในบทความของผมนั้นจะกล่าวถึงวิธีที่เป็นที่นิยมกันในขณะนี้ 2-3วิธี


1 การสร้างรายได้จาก Google AdSense
Google AdSense เป็นช่องทางอันดับแรกๆที่ สามารถทำเงินให้กับใครหลายๆคนมาแล้ว ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะมาแนะนำเพื่อนๆ
ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับเจ้า Google AdSense ก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไรเผื่อผู้อ่านหลายคนยังไม่รู้จักมัน
Google AdSense คืออะไร ?
Google AdSense คือบริการดีๆอีกหนึ่งอย่างจาก google ที่เปิดให้เจ้าของบล็อกและเว็บไซด์ เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก แล้วสามารถหารายได้โดยการนำโค๊ดโฆษณา มาติดในเว็บไซด์หรือบล็อกของเรา และเมื่อมีคนเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกหรือเว็บไซด์ของเรา แล้วมีการคลิ๊กโฆษณาที่เรานำมาติดไว้ นั้นหมายถึงเราก็จะได้เงินจากgoogle โดยนับต่อการคลิ๊กหนึ่งครั้ง พูดง่ายๆคือ คลิ๊กแล้วก็จ่ายนั้นเอง อันนี้เอาเข้าใจง่ายๆก่อนนะ ฉะนั้น ยิ่งบล็อกของเรามีคุณภาพและมีผู้เข้าชมมากเท่าใด ยิ่งหมายถึงโอกาสที่เราจะได้เงินจากการคลิ๊กโฆษณามากขึ้นเท่านั้น แต่Google จะจัดส่งเฉพาะโฆษณา ที่มีความสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซด์เราเท่านั้น รูปแบบของโฆษณานั้นก็มีหลายรูปแบบที่เราสามารถเลือกนำมาใช้ได้ ซึ่งจะมีทั้ง แบนเนอร์ รูปภาพ ข้อความ ลิ้งค์โฆษณา และวีดีโอ
การสมัคร Google AdSense
ปัจจุบันนัั้นการสมัคร AdSense นั้น เพื่อนๆอาจพบปัญหาในการสมัคร ที่ล้าช้า จาการตรวจสอบ ของgoogle หรือบางคนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากgoogle เลย ซึ่งผมพอจะมีเทคนิคดีๆในการสมัคร มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้มือใหม่อย่างเราๆ สมัครได้ง่ายขึ้น เดวค่อยมาเขียนต่อนะครับ

การทำBlog

Blog คืออะไร?คำถามแรกๆสำหรับผู้ที่เริ่มต้นและยังไม่คุ้นเคยกับBlog ความหมายของมันสั้นๆก็คือ แหล่งบันทึกออนไลน์เปรียบเทียบได้เหมือนกับสมุดบันทึกสมัยก่อน แต่ข้อดีคือ สามารถแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่เราเขียนบันทึกลงบล๊อคของเรา อีกทั้งเป็นพื้นที่ไว้แชร์หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งสามารถเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวางไปในโลกของอินเตอร์เน็ต และในทางกลับกันก็สามารถทำบล๊อคเพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียวก็ได้ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือประกอบธุรกิจออนไลน์ได้ เพราะมีหลายหลายวิธีการหารายได้จากบล๊อก ปัจจุบันผู้ให้บริการ Blog มีมากมายหลายสำนัก แต่ในบทความนี้ผมจะขอเน้นไปที่ Blogger ซึ่งเป็นบริการจาก Google

เริ่มต้นทำ Blog

ขั้นแรกเลย เข้าไปที่ http://www.blogger.com ก็แล้วแต่ว่าใครจะเลือกแสดงผลเป็นไทยหรืออังกฤษนะ ส่วนผมเลือกเป็นภาษาไทยก่อนละกัน



อ่าๆๆที่นี้เพื่อนๆก็จะเจอหน้าแรกของ Blogger คลิ๊กสร้างบล็อกเข้าไปเลย






กรอกข้อมูลให้ครบแล้วกด ดำเนินการต่อ




ตั้งชื่อบล็อกของคุณเองหลักง่ายๆคือ ทำเกี่ยวกับอะไรก็ตั้งชื่อให้สอดคล้องกัน



เลือกประเทศเป็นประเทศไทย แล้วก็ใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเราเพื่อรับรหัสยืนยันการสมัครทางSMS รอประมาณสักครู่นึง


เมื่อได้รับรหัสยืนยันทางSMSแล้ว เราก็นำมาใส่แล้วกดยืนยัน


จากนั้น.....ก็เลือกเทมเพลตตามใจชอบครับ



พอมาถึงหน้านี้ก็เสร็จสิ้นการสมัครแล้วหละครับ เราก็เริ่มการทำบล็อกของเราได้เลย
1 เขียนบทความลงบล็อก
  ความจริงแล้วหลายคนอาจจะปรับแต่งหน้าตาของบล็อกก่อนก็ได้ แต่ส่วนตัวผมชอบเขียนก่อนครับ เพราะมันอยากระบายมากๆ เขียนๆให้เยอะๆแล้วค่อยปรับแต่งหน้าตาทีหลัง  หรือใครจะทำกลับกันก็ได้นะครับไม่ว่ากัน หลักการเขียนบทความของผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็จะเน้น อยู่ประมาณ7-8อย่างอะไรประมาณนั้นอะครับ คือ เลือกใช้คำคีย์เวิร์ดที่โดนและน่าสนใจ  เพื่อหวังผลการค้นพบทางเสิร์ชเอนจิ้นต่างๆ   ใช้คำง่ายๆสื่อสารเข้าใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆที่อ่านจะเข้าใจกับผมหรือเปล่านะ บทความไม่ยาวเกินไป แต่ หมั่นอัพเดทบทความบ่อยๆ และตรวจสอบเพื่อแก้ไขจุดผิดของบทความ ในส่วนนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ที่ติดตามอ่านบทความและยังเป็นผลดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำในเชิงธุรกิจ เพราะ เสิร์ชเอนจิ้นต่างๆชอบนักแหละ  คงไม่งงนะครับ    เมื่อบทความเราถูกค้นพบง่ายในเสิร์ชเอนจิ้นต่างๆ ก็ง่ายต่อการทำธุรกิจนั้นแหละครับ โอ้ว อะไรจะขนาดนั้น ทำบล็อกแค่นี้อะนะ
2 ปรับแต่งหน้าตาให้กับบล็อก
  อันนี้ตามแต่ความสามารถของแต่ละคนเลยละกันนะครับ เพราะ Tool และเครื่องมือต่างๆก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของเพื่อนๆ
3 ประกาศก้องให้โลกรู้ ว่าฉันมีบล็อกแล้ว !
  มาถึงตรงนี้ ไม่ยากเลยเกินความสามารถของเพื่อนๆเลยใช่มั้ยครับ หลายคนก็คงได้เห็นแล้วว่าการทำบล็อกขึ้นมาซักหนึ่งบล็อกนั้นไม่ได้ยากเลยต่อไปก็มาถึงขั้นตอนที่ยากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะยากจนเกินความสามารถของเพื่อน นั้นก็คือการทำให้บล็อกของเราเป็นที่รู้จักในโลกไซเบอร์ แน่นอน ถ้าเขียนบล๊อกขึ้นแล้วไม่โปโมตให้คนเค้ารู้จัก  เขียนใส่ในสมุดเล่มหนาๆซักเล่มก็ได้ เน้อ..
  เทคนิคกลยุทธิ์การโปรโมตบล็อกนั้น ก็ทำได้หลายวิธี เช่นการทำ SEO (Search Engine Optimization)  ซึ่งกลยุทธิ์และเทคนิคการโปรโมตต่างๆ จะยังไม่ขอพูดถึงในบทความนี้ แต่เพื่อนๆก็สามารถติดตามได้จากบล็อกของผมนี้แหละ   เท่านี้เพื่อนๆก็ได้บล็อกเป็นของตัวเองแล้ว

การทำเว็บไซต์จากโปรแกรม Dreamweaver MX

การทำเว็บไซต์ด้วย Dreamweaver MX

     Macromedia Dreamweaver MX คือโปรแกรมประเภท HTML Editor ยอดนิยม มีความสามารถในการใช้ออกแบบ เขียนโค้ด บริหารจัดการเว็บไซต์ เว็บเพจ และเว็บแอพพลิเคชั่น ช่วยลดงาน ลดเวลาในการพัฒนาเว็บเพจ ช่วยในการสามารถสร้างโค้ด HTML รวมทั้งสคริปต์ภาษา PHP, ASP หรือ JSP โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเลยก็ได้ สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ที่ http://www.macromedia.com/  ตัวทดลองนะครับ

การใช้งาน joomla

     การติดตั้ง joomla นั้น ให้ติดตั้ง บนเซิร์ฟเวอร์จำลองappserv ที่เราเคยติดตั้งกันก่อนนะครับ
เมื่อเพื่อนๆโหลด  joomla มาแล้วนั้นให้ทำการแตกzip จนได้ Folder joomla  มาแล้ว ให้เพื่อนๆ ก๊อปปี้ Floder joomla นั้น ไปไว้ที่ C:/AppServ/www  เมื่อก๊อปปี้เสร็จแล้ว ทิ้งไว้ตรงนั้นก่อน  ให้เพื่อนเปิดบราวเซอร์ ขึ้นมา แล้วไปที่ http://localhost/phpmyadmin  เพื่อสร้างฐานข้อมูลของเราเอง เมื่อเข้าไปแล้วก็จะพบหน้าต่างกรอกรหัส ให้เพื่อนใส่ user name เป็น root  แล้วก็ password  ใส่ตามที่เพื่อนๆตั้งไว้ ถ้าจำไม่ได้ว่าใส่ตอนไหน ลองกลับไปดู ที่นี้  คงจะนึกออกแล้วหละสิ ส่วนใหญ่ผมแนะนำเป็น 1234 เพราะมันง่ายดี เมื่อเข้ามาแล้วหน้าตาก็จะประมาณนี้



ตรงช่องใส่ชื่อ ก็ตั้งชื่อฐานข้อมูลของเราเองจำให้ได้ด้วยหละ อย่างอื่นก็ตามรูแปครับ แล้วกดสร้าง ที่นี้ก็ปิดไป

จากนั้นก็เปิด web Browser ขึ้นมาเรียกไปยัง ไดเรกทอรี joomla  http://localhost/joomla จะเห็นหน้าแรก ของการติดตั้ง เลือกเป็นภาษาไทยแล้วกด ถัดไป ตามรูป




จากนั้นก็จะมาถึงหน้าที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งครับ การตั้งค่าต่างๆควรเป็นไปตามรูปนี้นะครับ แล้วคลิ๊กปุ่มถัดไป




จากนั้นก็มาอ่านๆแล้วก็คลิ๊กปุ่ม ถัดไป


ต่อเลยนะครับ ก็จะมาถึงส่วนที่ใส่ค่า ชื่อโฮสต์ส่วนใหญ่ใช้ localhost ใส่ไปเลย ชื่อผู้ใช้ฐานข้อมูลก็ root
รหัสผ่าน ก็ใส่ของเพื่อนๆลงไป ชื่อฐานข้อมูลก็ที่เพื่อนตั้งเมื่อกี้นี้


มาถึงหน้าการตั้งค่าระบบ FTP ก็ไม่มีอะไร กดปุ่ม ถัดไป


ต่อมาก็จะมาถึงหน้าการตั้งค่าระบบหลัก ก็ให้เพื่อนๆตั้งชื่อเว็บไซต์ ใส่อีเมลล์เพื่อนๆแล้วก็รหัสผู้ดูแล คิดเองจำเองนะครับ ตลิ๊กปุ่มถัดไป



เมื่อมาถึงตรงนี้ ก็ทำตามที่บอกเลยครับ เข้าไปลบ โฟล์เดอร์ที่มีชื่อว่า installation  ใน C:/AppServ/www หาชื่อโฟล์เดอร์ installation แล้วก็ลบเลย




เมื่อเข้าไปลบเสร็จแล้ว ลองเปิด web Browser แล้วเข้าไปที่ http://localhost/joomla   อีกครั้งนะครับ
ก็จะได้หน้าตาประมาณนี้



ถึงเปิดอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การใช้สีในเว็บไซต์ และความหมายของสี

   สีแต่ละสีมีความหมายและมีผลต่อความรู้สึก ของผู้ที่พบเห็น ดังนั้นสีจึงเป็นตัวที่ใช้สื่อความหมาย แสดงสัญลักษณ์และบ่งบอกเรื่องราวต่างๆ เพื่อสื่อสารให้ผู้ที่เข้าเว็บไซต์เรามีความรู้สึกในทิศทางที่เราต้องการและทราบถึงสิ่งที่เราต้องการแสดงออกมา   แต่ว่า!   เราจะใช้สียังไงหละที่จะสื่อความหมายได้ชัดเจนและถูกต้อง เรามาดูความหมายต่างๆของสีกัน
สีแดง เป็นสี ที่มีความรู้สึก เร้าร้อน รุนแรง อาจหาญ สีแดงยังเป็นสีที่สื่อถึงความรัก  ความเร็วและพละกำลัง แต่ขณเดียวกัน ก็ยังเป็นเป้าหมายที่อันตรายนำมาซึ่งการต่อสู้  ความโชคดี
สีเหลือง เป็นสีแห่งความสนุกสนาน มิตรภาพ การมองโลกในแง่ดี ความคิดสร้างสรรค์ เบิกบาน แสดงถึงความมีอำนาจ บารมี แต่หากใช้สีเหลืองมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดความน่าเบื่อได้
สีเขียว เป็นสีตัวแทนของธรรมชาติ ช่วยลดความเครียด ให้ความรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่มอง เย็นสบาย ร่มรื่น ปลอดภัย เหมาะกับเว็บที่เกี่ยวกับธรรมชาติ การบำบัด
สีชมพู  เป็นสีที่เป็นตัวแทนของความรัก ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นตัวแทนที่สื่อถึงความอ่อนหวาน สบายตา เบาบางและอบอุ่น
สีม่วง บ่งบอกถึงความสูงศักดิ์ ลึกลับ น่าติดตาม มีพลังแฝง แสดงถึงความรักออกแนวเศร้า ผิดหวัง แต่ระวังการใช้สีนี้ในเว็บมากเกินไปอาจสื่อไปในทางที่หลายคนก็รู้อยู่นะครับบ
สีส้ม เป็นสีแสดงถึงความอบอุ่น ร่าเริงมีชีวิตชีวา เรียกความกระตือรือร้นให้กลับมาสดใส คึกคัก เมื่อนำมาใช้ก็จะทำให้ดูมีชีวิตชีวา
สีขาว แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด เรียบง่าย โล่งโปร่งสบาย ใช้แทนคุณงามความดี สงบ สบาย
สีฟ้า  เป็นสีแห่งความสดชื่น กว้างขวาง เยือกเย็น ผ่อนคลายสบายๆแสดงถึงความน่าเชื่อถึง ความสงบสุข
สีเทา เป็นสีที่ทำให้ความรู้สึก สงบ สุขุม แต่บางครั้งก็เป็นตัวแทนของอดีต ความเศร้าเหงา ท้อแท้หดหู่
สีน้ำเงิน เป็นสีที่บ่งบอกถึงความจริงจัง หรูหรา หนักแน่น มีระดับ แสดงถึงความกว้างใหญ่ไพศาล
สีน้ำตาล เป็นสีแห่งธรรมชาติ สามารถกระตุ้นความรู้สึกแข็งแรง มีพลัง และความน่าเชื่อถือ
สีดำ เป็นสีที่มีพลังอำนาจ ให้ความรู้สึกหนักแน่น ลึกลับ น่ากลัว เศร้าหมอง เป็นตัวแทนของด้านมืด แต่เรื่องของความมีพลังนั้น ต้องสีดำเลย เป็นสีที่มีพลังดึงดูดในตัว

เพื่อนๆลองนำไปใช้เพื่อให้เว็บไซต์ของเพื่อนๆนั้นเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
 

การโปรโมตเว็บด้วยการ submit

การโปรโมตเว็บไซต์ นั้นมีกลยุทธ์หลากหลายวิธี ซึ่งบทความนี้จะพูดถึงหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้เว็บของเรานั้นเป็นที่รู้จัก นั้นก็คือ การsubmit    ความหมายของการ submit นั้น ในปัจจุบันมีการsubmit หลายรูปแบบ ซึ่งความหมายของการsubmit ผมอาจจะพูดไม่ครอบคลุมทั้งหมด จึงขอพูดแบบภาษาบ้านๆให้เข้าใจง่ายๆเลยนะครับ submit ก็คือการ นำเว็บของเราไปฝากไว้ตาม Web Directory ซึ่งจะมีเปิดให้บริการมากมายเหลือเกิน  เพื่อเป็นการสร้าง Backlinks ให้แก่เว็บของเรา เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้คนพบเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น   รูปแบบการ submit  มีหลายรูปแบบดังนี้ 
1 Submit Directory    

เป็นเจ้าของ Social Network กันเถอะ

วันนี้มีอะไรดีๆมาแนะนำ สำหรับเพื่อนๆผู้ที่ชอบสังคมทั้งหลาย แม้วันนี้บ้านเราจะมี web social network gเจ้าใหญ่ๆ อย่าง hi5    facebook  twitter   iiouchat  แต่!  บ้างครั้งเพื่อนๆรู้สึกมั้ยว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของสังคมนั้นๆเลย หรือบ้างครั้งก็รู้สึก มันไม่ใช่สังคมเราอะ มันไม่ ไฮโซ โลโซ หรืออะไรก็ตามแต่เหตุผลของแต่ละคนเน้อ  ถ้าอยากมีสังคมของคนรักรถไฮโซๆ เป็นสังคมของเราเองละก็ ผมมีช่องทาง อิอิ
ขอแนะนำ htt://www.ning.com  จากนี้ผมขอเรียกสั้นๆว่าning ละกันนะครับ ning นั้นมีลักษณะเป็นเหมือนเว็บไซด์สำเร็จรูป  ที่มาในรูปแบบSocial Networkสำเร็จรูป  เพียงแค่เพื่อนๆเข้าไปสมัครเจ้าning นี้ ก็จะมีเครื่องมือต่างๆและลูกเล่นอีกมากมาย ช่วยให้เพื่อนๆสร้างสังคมออนไลน์ของเพื่อนๆให้อย่างครบสูตร หรือศัพท์วัยรุ่นที่ว่า จัดเต็ม นอกเรื่องอีกแระ 
ความสามารถมากมายที่ว่าก็อาทิเช่น ระบบ Chat ที่หน้าเว็บ, เว็บบอร์ด, blog, อัพโหลดภาพ, อัพโหลดวิดิโอ เป็นต้น นอกจากนี้เพื่อนๆตังสามารถปรับแต่งหน้าตาของหน้าเพจ ได้ตามใจชอบของเพื่อนๆอีกด้วย
ของเค้าดีจริงๆ   ตัวอย่าง

ตัวอย่างเว็บไซต์ Social ของไทยที่ใช้ Ning

http://www.thaidesignparty.ning.com/
http://www.chiangkhan.com/

ของฟรีครับ ก็จะเห็นว่า ชื่อโดเมนเนมนั้น จะมี.ningติดมาด้วย แต่ถ้าใครเอาจริงเอาจังหละก็ เอาไปจดโดนเมนเป็นของตัวเอง ก็ได้นะครับ

รวมเว็บจำเป็นสำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์

 อันนี้รวบไปถึง โปรแกรมเมอร์สาขาต่างๆ นักการตลาดในโลกออนไลน์ไปด้วยเลยนะ

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จักกับ joomla

     joomlaเป็นระบบบริหารจัดการเว็บไซต์สำเร็จรูป (Content Management System หรือเรียกย่อว่า CMS)ที่มากด้วยคุณสมบัติสำหรับการใช้งานเว็บไซต์ ถูกพัฒนามาจากพื้นฐานของภาษา PHP  และได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทีมพัฒนาที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ในปัจจุบันมีเครื่องมือเสริมหลายตัว ที่ช่วยในการเว็บไซต์ ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ joomlaช่วยเพื่อนๆได้  joomla นั้นจะเป็นออกเป็นสองส่วน คือ

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จัก AppServ

       AppServ  คือ ชุดติดตั้งโปรแกรม PHP แอพพลิเคชั่นจำลองเครื่องเราเป็นเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows ที่ถูกสร้างและพัฒนามาจากคนไทย เชื้อสายไทยแท้ๆ น่าภูมิใจมากๆ
 AppServ  รวบรวมเอา Open Source Software หลายๆ อย่างมารวมกัน
ประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ดังต่อไปนี้


Apache สำหรับทำหน้าที่เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์

PHP สำหรับทำหน้าที่เป็นตัวแปรภาษา PHP
 MySQL สำหรับทำหน้าที่เป็นดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์
 phpMyAdmin สำหรับทำหน้าที่เป็นโปรแกรมบริหารจัดการฐานข้อมูลของ MySQL

ว้าว...จำลองคอมพิวเตอร์เราให้เป็นเซิร์ฟเวอร์งั้นหรอ อยากได้กันแล้วหละสิ เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้จาก ที่นี้  เดวจะมาอัพเดตกันต่อนะครับ

การติดตั้ง AppServ

เมื่อเพื่อนโหลดตัวติดตั้งมาแล้ว เริ่มการติดตั้งดังนี้


1. ดับเบิลคลิกไฟล์ \AppServ\2.5.xx\appserv-win32-2.5x.xx.exe หลังจากนั้นคลิก Next

2. เข้าสู่ขั้นตอนเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรม อ่านๆแล้วคลิ๊ก Next


3.กำหนดไดเร็คทอรี่ที่จะติดตั้งและคลิก Next ปรกติ คือ C:\AppServ

                                    4. เลือก Package Components ที่ต้องการติดตั้ง ปรกติผมก็เลือกทั้งหมดนั้นแหละ


5.กำหนดชื่อเว็บเซิร์ฟเวอร์ หลังจากนั้นคลิก Next ตั้งชื่อตามรูปเลยนะครับ


6. กำหนดค่าของ MySQL Database มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ชื่อรหัสผ่านฐานข้อมูล จะเป็น root  ให้เรากำหนดPassword ลงไป2 ช่อง  ตั้งง่ายๆให้จำง่ายๆนะครับ แล้วช่องที่3 คือช่องำหนดค่าระบบภาษาที่จะใช้ในเก็บฐานข้อมูล การจัดเรียงต่างๆภายในฐานข้อมูล อย่างอื่นก็ตามรูปครับแล้วกด Install


7. สิ้นสุดขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม AppServ  คลิ๊กเปิดการทำงานของ Apache และ MySQL แล้วกด Finish



7. ทดสอบการติดตั้งโดยเปิดเว็บเบราเซอร์ ไปที่ http://localhost/ หรือ 127.0.0.1จะปรากฏหน้าแสดงโปรแกรมขึ้นมาจ้า


วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จักกับ Blog

      Blog มาจากคำเต็มว่า Webblog  เป็นเครื่องมืออีกชนิดนึงที่ช่วยให้เพื่อนนั้นมีเว็บเป็นของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยความรู้และทักษะด้านการทำเว็บไซด์มากมายนัก
      Blog คือ พื้นที่คล้ายสมุดบันทึกออนไลน์ ที่เพื่อนๆสามารถเขียนบันทึก เรื่องราวทุกๆเรื่อง สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลง อัปเดตเรื่องราวและเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว
      ปัจจุบัน บล็อกนั้นได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักท่องอินเตอร์เน็ต เพื่อไว้เป็นที่เก็บเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ อีกทั้งไว้เผยแพร่บทความ ความรู้ต่างๆที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ซึ่งเนื้อหาในบล็อกนั้นมักจะเป็นข้อมูลที่มาจากเจ้าของบล็อกเอง ซึ่งในแต่ละบล็อกก็จะมีเนื่อหาและพูดถึงเรื่องราวที่แตกต่างกันไป แล้วแต่เจ้าของจะรังสรรค์ให้บล็อกนั้นออกมาเป็นเช่นไร ไม่เพียงแต่เนื้อหาในบล็อกที่เจ้าของบล็อกจะจินตนาการเขียนขึ้นมาแล้วบล็อกยังสามารถ ตกแต่ง ออกแบบให้สวยงาม และโดดเด่นไม่ซ้ำใครได้อีกด้วย ซึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของแต่ละบุคคล ซึ่งตัวผมเองแล้ว ทำให้ตายยังไงก็คงออกมาไม่สวย ปล่อยให้คนที่มีพรสวรรค์เค้าทำให้ดีกว่า  เป็นไงครับ ทั้งฟรีทั้งดีแบบนี้เพื่อนๆเริ่มสนใจอยากจะทำบล็อกกันบ้างแล้วหรือยัง งั้นเรามาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำบล็อกกันดีกว่า

ทำความรู้จัก โดเมนเนมและโฮสติ้ง

      หลังจากที่เคยแนะนำให้รู้จักกับโดเมนเนมและโฮสติ้งไว้บ้างแล้วสั้นๆในบทความก่อนหน้านี้ ในบทความนี้จะพูดให้ลึกขึ้นอีกนิดนึงนะครับ จะพยายาม

โดเมนเนม คือ อะไร?
     โดนเมนเนม Domain name ก็คือชื่อของเว็บไซด์ที่บงบอกความมีตัวตนของเว็บไซด์บนระบบเครืออินเตอร์เน็ต ซึ่งการจดชื่อโดเมนเนมนั้นจะต้องเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำกันและการจดโดเมนนั้น จะต้องมีนามสกุลตามท้ายเสมอ เช่น .co.th  .net .com .org เป็นต้น นามสกุลของโดเมนนั้นมีอยู่หลายอย่าง แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั้นก็จะเป็น .com  อาจเพราะจดทะเบียนง่ายและนิยมใช้กันมาตั้งแต่ยุคแรกนั้นเอง
เหตุผลที่เราต้องจดชื่อโดเมนเนมก็เพราะว่าโดเมนเปรียบเทียบเหมือนเป็นที่อยู่ของเว็บไซด์เพื่อให้ผู้ใช้งานได้อ้างอิงที่อยู่เพื่อเข้ามาสู่เว็บไซด์ของเราแทน ฉะนั้น โดนเมนถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยสำหรับเว็บไซด์นั้นๆ เพื่อประโยชน์ทั้งทางด้านการโฆษณา การทำธุรกิจ การบ่งบอกความเป็นตัวตนของเว็บไซด์ หากเราใช้ชื่อที่โดดเด่น มีความน่าสนใจ จดจำง่าย ไม่เพียงแต่จะเป็นที่สนใจของผู้ใช้งานแล้ว ยังส่งผลต่อระบบ Search Engine ต่างๆที่จะให้ความสนใจสำรวจหน้าเพจต่างๆของเว็บเราเพื่อประโยชน์ในการค้นหาอีกด้วยนะ