หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การแก้ปัญหา configuration.php เขียนลงไฟล์ไม่ได้

       ใครที่ใช้ CMS พวก joomla มักพบกับปัญหา configuration.php เขียนลงไฟล์ไม่ได้ เมื่อติดตั้ง ลงบนโฮสต์จริง พอถึงเวลาจะติดตั้ง ก็จะมีการแจ้งเตือนว่า
configuration.php เขียนลงไฟล์ไม่ได้  คุณ สามารถดำเนินการติดตั้งต่อไปได้ครับ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการระบบจะแสดงผลค่าตัวแปรต่าง ๆ ที่ควรตั้งค่า ให้คุณเพียง copy แล้วนำไปวางไว้ใน text editor ทำการบันทึกจากนั้นก็อัพโหลดขึ้นเซิร์ฟเวอร์   วิธีแก้ไข้ก็ไม่ยากครับ ทำตามที่เค้าบอก โดยการเขียนไฟล์ configuration .php นำไปวางไว้ที่ root ของ joomla 
      แต่ที่ง่ายกว่านั้นเพียงแค่เปิด ftpของท่าน ยกตัวอย่างที่ผมใช่เป็น  Filezilla  คลิ๊กขวา หน้าต่างทางด้านขวามือ บนโปรแกรม Filezilla ของเรา เลือกที่ file permission จะมีหน้าต่างๆอีกมาใหม่ แก้ไข  permission ของไฟล์ให้เขียนได้ ดังรูป


โปรแกรม อัพเดทผลบอล พร้อมเวลาแข่งบอลโลก

แจกโปรแกรมอัพเดทผลบอลพร้อมตารางแข่งขันบอลโลก พร้อมจัดอันดับให้ด้วย   ลองเอาไปใช้ดูนะครับ สนุกกับบอลโลก  โหลดที่นี้

โปรแกรมสร้าง template joomla artsteer 2.4.0.24559

แจกโปรแกรมสร้าง template ง่ายๆเพียงแค่ห้านาที สามารถสร้างได้หลาย CMS  ทั้ง joomla  wordpress และอื่นๆอีก คุณสมบัติครบเลย ลองเอาไปใช้ดูเจ้าโปรแกรมนี้มีชื่อว่า artsteer  โหลดไปลองใช้งานกันเลย  Artisteer 2.4.0.24559 Multilingual
ลองเอาไปใช้ดูนะครับ สำหรับใครที่อยากมี template เป็นของตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การสร้างเว็บอัพโหลดไฟล์




      การอัพโหลดไฟล์ ก็คือ การส่งไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ Client ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ Server สำหรับภาษา PHP นั้น สามารถเขียนโค้ดอัพโหลดได้เลย โดยเราไม่ต้องไปติดตั้งโมดูลใดๆ เพิ่มเติม เราสามารถสร้างเว็บเพจสำหรับการอัพโหลดไฟล์ได้อย่างง่ายดาย
การสร้างเว็บเพจเพื่ออัพโหลดไฟล์ แบ่งการทำงานได้เป็นขั้นตอนดังต่อไปนี้


• การสร้างฟอร์มสำหรับอัพโหลดไฟล์
• การเขียนสคริปต์ PHP สำหรับการอัพโหลดไฟล์
• การทดสอบระบบดาวน์โหลด

การสร้างฟอร์มสำหรับอัพโหลดไฟล์
การสร้างระบบอัพโหลดนั้น Dreamweaver MX จะช่วยได้ในการสร้างฟอร์มสำหรับอัพโหลด ส่วนโค้ดสำหรับจัดการไฟล์ จำเป็นจะต้องสวิทช์ไปที่โหมดโค้ด (Code View) เพื่อเขียนโค้ดเอง

ในขั้นตอนแรกจะเป็นการใช้ Dreamweaver MX แทรกฟอร์มลงในเว็บเพจ สำหรับให้ผู้ใช้สามารถคลิกปุ่ม Browse… เลือกไฟล์ที่ต้องการอัพโหลด นอกจากนั้นก็ยังมีการแทรกปุ่ม Upload สำหรับคลิกเพื่อเริ่มต้นการอัพโหลดไฟล์

ขั้นตอนการสร้างฟอร์มสำหรับอัพโหลดไฟล์:

1. เปิดโปรแกรม Dreamweaver MX คลิกเมนู File > New จะปรากฏไดอะล็อก New Document ขึ้นมา ให้คลิกแท็บ General เลือก Dynamic Page > PHP หลังจากนั้นคลิกปุ่ม Create บันทึกเป็นไฟล์ fileupload.php
2. แทรกฟอร์มลงในเว็บเพจ โดยคลิกที่เมนู Insert > Form



3. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์ม โดยการคลิกเม้าส์วางเคอร์เซอร์ให้อยู่ภายฟอร์ม ซึ่งแสดงขอบเขตด้วยเส้นประสีแดง หลังจากนั้นคลิกเลือกแท็ก
ที่ Tag Selector บริเวณขอบล่างซ้ายของหน้าจอ คลิกที่เมนู Window > Properties เมื่อปรากฏไดอะล็อก Properties ขึ้นมา ให้กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มดังต่อไปนี้


หลังจากการแทรกฟอร์มและกำหนดค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Show Code View ลองสังเกตดูโค้ดที่ Dreamweaver MX สร้างขึ้นมา จะเห็นว่าในแท็ก
จะปรากฏค่า attribute enctype="multipart/form-data" ซึ่งจะต้องใช้เสมอในฟอร์มที่มีการเรียกใช้ Form Object ชนิด File Field


4. แทรก Form Objects ชนิด File Field ลงภายในฟอร์ม หลังจากนั้นให้กำหนดคุณสมบัติของ File Field โดยการคลิกที่เมนู Window > Properties เมื่อปรากฏไดอะล็อก Properties ขึ้นมา ให้กำหนดชื่อในช่อง FileField Name เป็น "File" ดังรายละเอียดด้านล่างนี้





5. แทรก Form Objects ชนิด Button ลงภายในฟอร์ม หลังจากนั้นให้กำหนดคุณสมบัติของ Button โดยการคลิกที่เมนู Window > Properties เมื่อปรากฏไดอะล็อก Properties ขึ้นมา ให้กำหนดคุณสมบัติของ Button ดังต่อไปนี้






6. คลิกที่ปุ่ม Show Code View แล้วลองสังเกตดูโค้ดที่ Dreamweaver MX สร้างขึ้นมา จะเห็นว่ามีโค้ดการแทรก Form Object ชนิด File Field และ Button ลงในฟอร์ม ดังรูปด้านล่าง

7. บันทึกไฟล์ fileupload.php

ขั้นตอนต่อไปนี้ จะเป็นการเขียนโค้ด PHP สำหรับจัดการไฟล์ที่ถูกอัพโหลดขึ้นมาบนเซิร์ฟเวอร์ เข้าไว้ในไดเร็คทอรี่หรือโฟลเดอร์ที่กำหนดไว้

ขั้นตอนการเขียนสคริปต์ PHP สำหรับการอัพโหลดไฟล์:


1. สร้างโฟลเดอร์สำหรับจัดเก็บไฟล์ โดยการคลิกที่เมนู Site > Site Files จะปรากฏแถบ Files ที่ด้านขวาของหน้าจอ หลังจากนั้นชี้เม้าส์ที่ตำแหน่งบรรทัดแรกของแถบ Files คลิกเม้าส์ปุ่มขวา จะปรากฏเมนูให้คลิกเลือก New Folder และกำหนดชื่อโฟลเดอร์เป็น "uploadfiles"
 

2. เปิดโปรแกรม Dreamweaver MX คลิกเมนู File > New จะปรากฏไดอะล็อก New Document ขึ้นมา ให้คลิกแท็บ General เลือก Dynamic Page > PHP หลังจากนั้นคลิกปุ่ม Create บันทึกเป็นไฟล์ upload.php

3. คลิกที่ปุ่ม Show Code View หลังจากนั้นให้พิมพ์โค้ดต่อไปนี้ลงไปในเว็บเพจ








4. บันทึกไฟล์ upload.php

• ทดสอบโดยการเปิดเว็บเบราเซอร์ไปที่ URL http://localhost/phpweb/fileupload.php และเลือกไฟล์เพื่ออัพโหลด หลังจากนั้นคลิกปุ่ม Upload เพื่อเริ่มต้นการอัพโหลดไฟล์

• สังเกตผลลัพธ์จากหน้าจอเว็บเบราเซอร์ และตรวจสอบว่ามีไฟล์ที่อัพโหลดในโฟลเดอร์ "uploadfiles" หรือไม่

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รวม เทคนิคการใช้ Photoshop (2)

การแก้ไขรูปสีเพี้ยน


ดูจากรูปจะเห็นได้ว่าสีรูปมันยังเพี้ยนๆอยู่

อย่างในรูปนี้ก็มีสีเหลืองมากจนเกินไป ,, มาดูวิธีแก้กัน !!



เปิดรูปขึ้นมาแล้วไปที่ Image > Adjustment > Color Balance



จะมีแถบอยู่ 3 อันให้เลื่อน ปรับค่าความสมดุลของสีรูป

ปลายแต่ละด้านของแถบก็จะมีชื่อสีกำกับเอาไว้
จากรูปเราที่มีสีเหลืองมากจนเกินไป ก็ให้เลื่อนแถบอันล่างสุด
ซึ่งปลายทั้งสองข้างกำกับไว้ว่า Yellow กับ Blue
จากที่แถบอยู่กึ่งกลางก็ให้เลื่อนมาทาง Blue สุดๆไปเลย
ระหว่างเลื่อนจะสังเกตรูปไปด้วยก็ดีนะ



ส...เสร็จแล้วจ้า !!! ผลงานเสร็จออกมารวดเร็วมากมาย


สามารถเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

วิธีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเวลาทำผิวขาวได้นะ มีประโยชน์มาๆเลยล่ะ ^^

ผิวขาวจั๊วะ
แนะนำ
ขอแนะนำการเลื่อนแถบเพื่อปรับค่าความสมดุลของสีสำหรับคนที่ยังมองไม่ออกทีนะ
ยกตัวอย่างเช่น รูปของเราเพื้ยนที่สีเหลือง คือมีสีเหลืองมากเกินไป
เราเลื่อนแถบก็ให้หาแถบที่ด้านใดด้านหนึ่งกำกับไว้ว่า Yellow
เลื่อนแถบนั้นจากกึ่งกลางไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสีที่เพื้ยน

การทำแก้วคริสตัล
 
• สร้างไฟล์ขนาดที่ต้องการ

• สร้างเลเยอร์ใหม่ เติมสีที่ต้องการ หรือสร้าง BG ด้วยลักษณะที่ต้องการ
• สร้างเลเยอร์ใหม่ สร้างกรอบสี่เหลี่ยม เติมสี Gray 50% ไม่ต้องเลือก Preserve Transparency


• Selection จะต้อง Active อยู่ ให้เลือกคำสั่ง Filter, Render, Lens Flare กำหนดค่าดังตัวอย่าง
 

• จากนั้นต่อด้วย Filter, Distort, Polar Coordinates โดยเลือกตัวเลือก Polar to Rectangular

• แล้วต่อด้วย Edit, Transform, Flip Vertical และ Filter, Distort, Polar Coordinates โดยเลือกตัวเลือก Rectangular to Polar
• ใช้คำสั่ง Free Transform ปรับให้มีขนาดและรูปทรงที่ต้องการ

• ใช้เครื่องมือวงกลม วาด Selection ให้มีขนาดพอเหมาะกับรูป Crystal ที่สร้างไว้ เลือกคำสั่ง Edit, Copy แล้วต่อด้วย Edit, Paste

• ซ่อนเลเยอร์ภาพต้นฉบับ จะพบแต่รูป Crystal ทรงกลม


• เปลี่ยน Layer Mode เป็น Hard Light


การเชื่อมรอยต่อระหว่างรูปให้กลมกลืนกัน



1.เปิดรูปที่ต้องทั้งหมดขึ้นมา เลือกเครื่องมือลูกศร Move Tool (คีย์ลัด : ตัว m)

คลิกที่รูปแล้วลากมาไว้ในเลเยอร์เดียวกัน (การลากก็เหมือนการคลิกแล้วนำไปวางน่ะแหละ)
จนได้รูปทั้งหมดที่ต้องการในเลเยอร์เดียวกันแล้ว . . .

2.เลือกเครื่องมือยางลบ
 
 
3.ดูแถบเมนูด้านบน ปรับขนาดหัวแปรงให้พอเหมาะ(ดูขนาดรูปแล้วลองกะเอานะ)

หัวแปรงฟุ้งๆหน่อยเน้อ


4.คลิกเลือกเลเยอร์ที่ต้องลบออก

ค่อยๆลบส่วนขอบเกินมาเพื่อให้รูปดูกลมกลืนกัน

เสร็จแล้ว


การทำตัวอักษรแบบก้อนน้ำแข็ง

• เปิดไฟล์ภาพใหม่ กำหนดขนาดต้องการ โดยกำหนดโหมดภาพเป็น Grayscale


• พิมพ์ข้อความด้วย Text Tool ควรเลือกฟอนต์และขนาดให้เป็นตัวอักษรอ้วนๆ โตๆ แล้วสร้าง Selection ให้กับตัวอักษรโดยกดปุ่ม แล้วคลิกที่แถบชื่อเลเยอร์ของข้อความ

• บันทึก Selection ด้วยคำสั่ง Select > Save Selection


• ต่อด้วยคำสั่ง Select, Inverse เพื่อเลือกขอบเขตรอบนอกตัวอักษร จากนั้นรวมเลเยอร์ด้วยคำสั่ง Layer > Merge Down

• ระวังไม่ให้ Selection หายจากนั้นต่อด้วยคำสั่ง Filter > Pixellate > Crystalize กำหนดค่าตามต้องการ
• ต่อด้วยคำสั่ง Select > Inverse และ FIlter > Noise > Add noise กำหนดค่าตามต้องการ ตามด้วยคำสั่ง Filter > Blur > Gaussian blur
• ปรับค่าความเข้มของข้อความด้วยคำสั่ง Image > Adjustment> Curve


• ยกเลิก Selection ด้วยคำสั่ง Select > Deselect แล้วคลิกภาพด้วยคำสั่ง Image, Rotate & Canvas, 90CW

• ตามด้วยคำสั่ง Filter > Stylize > Wind กำหนดค่า Method : Wind, Direction : From left แล้วพลิกภาพกลับด้วยคำสั่ง Image, Rotate & Canvas, 90CCW
• เปลี่ยนโหมดภาพเป็น RGB ด้วยคำสั่ง Image > Mode > RGB Color
• เปลี่ยนสีให้ตัวอักษรด้วยคำสั่ง Image, Adjustments, Hue & Saturation โดยคลิกเลือกรายการ Colorize แล้วปรับค่าตามต้องการ



• จะได้ตัวอักษรแบบแช่แข็งตามตัวอย่างข้างต้น

การทำตัวอักษรแสงกระจาย ( Explosion )
ขั้นตอนการทำ


1.สร้างแผ่นงาน กว้าง*สูง=500*500 pixels
2.กด อักษร d เพื่อเซตสีให้เป็นขาว-ดำ
3.กด alt+Backspace เพื่อเทสีดำลงไป
4.กด Ctrl+A และ Ctrl+T เพื่อหาจุดศูนย์กลางแผ่นงาน




 
5.กด Ctrl+R เพื่อโชว์ ไม้บรรทัดแล้วให้คุณลากเส้นไกด์มาวางทับจุดนี้
 


 
 
6.ใช้พู่กันป้ายสีขาวที่จุดแกนกลาง
 
 
 
 
 
 
 
7.พิมพ์ข้อความลงไปแล้วจัดวางให้อยู่ตรงกลางมากที่สุด คลิกขวาที่เลเยอร์ตัวอักษรเลือกคำสั่ง Rasterize
 
 

8.Copy layer โดยการกด Ctrl+J อีก 5 ครั้ง


9.Layer ที่ 1ของ Explosion ใส่ Filter / blur/radial blur/ เลือก Amount=100 / Zoom / Best


10.คลิกเลเยอร์ที่ 2 ของ Explosion แล้วกด Ctrl+F
11.คลิกเลเยอร์ที่ 3 ของ Explosion แล้วกด Ctrl+F
12.คลิกเลเยอร์ที่ 3และ 4 ของExplosionแล้วกด Ctrl+F
13.ที่เลเยอร์4 เลือก Filter/ blur / gauss.. = 4.8

14.เลือก Blending Mode=Dissolve
จะได้ดังนี้



วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีสมัครโดเมนเนม ฟรี จาก .co.cc

      วันนี้อยากลองหาโดนเมนเนมแปลกๆฟรีๆเอามาใช้ดูบ้างก็ไปเจอของฟรีอย่างที่ใจปรารถนาเข้า เลยนำมาเล่าสู่กันฟังสำหรับใครที่ชอบของฟรี และไม่อยากเสียตังค์  โดนเมนที่ว่านี้ลงท้ายด้วย .co.cc ฟรีครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ก่อนอื่น ต้องสมัครเป็นสมาชิกเค้าก่อน  คลิ๊กที่นี้เลย
เมื่อสมัครเป็นสมาชิกเรียบร้อยกันแล้ว จะมีช่องให้กรอกชื่อโดเมน  เพื่อนๆก็ลองกรอกชื่อโดนเมนที่อยากได้ลงไป แล้วกด ปุ่ม ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน  หากโดเมนไหนมีการใช้งาน ระบบก็จะบอกเราว่า โดเมนนี้มีการลงทะเบียนแล้ว เราก็ลองหาชื่อใหม่ที่ยังว่าง  หากชื่อโดเมนไหนยังไม่มีคนลงทะเบียนระบบก็จะขึ้นว่า  

http://www.xxxxx.co.cc/ สามารถใช้ได้

การลงทะเบียนโดเมนหนึ่งปีราคา $0
การควบคุม DNS และการจัดการโดเมนแบบเต็ม
 ก็คลิกที่ปุ่ม เข้าสู่การลงทะเบียน

จัดการป้อนข้อมูลเสร็จสรรพ ก็จะมีข้อความขึ้นว่า Please set up the domain in 48 hours.If not, we will cancel the registration.

 แล้วให้เราตั้งค่า เมื่อได้โดเมนมาแล้วก็นำโดเมนนี้ ไป add on ที่โฮสต์ของเพื่อนๆเพื่อใช้งานได้เลย

การใส่เพลงลงในเว็บไซต์ของเรา

การใส่เพลงลงในเว็บ
    หลายคนมีเว็บไซต์แล้วก็อยากให้มีเสียงดนตรีประกอบไปด้วยสร้างความน่าสนใจไปอีกแบบให้กับเว็บไซต์ของเรา ก็เป็นวิธีที่ไม่ยากเลย เพื่อนๆเปิดไฟล์ index.html เว็บไซต์ของเพื่อนๆขึ้นมา จากนั้นนำโค๊ข้างล่างนี้ไปใส่ ระหว่าง < body>......< / body>



ข้อแนะนำ จากโค๊ดด้านบน เพื่อนๆควรสร้างโฟลเดอร์มาหนึ่งโฟล์เดอร์เพื่อไว้ใช้เก็บเพลง แล้วนำเพลงไปเก็บไว้ เมื่อมีการเรียกใช้ เพลงจะอยู่ในโฟลเดอร์ชื่อ song แล้วตามด้วยชื่อเพลง.wmaของเพื่อนๆ ข้อแนะนำอีกอย่างนึงหากไฟล์เพลงเป็นเพลง mp3 ก็ควรเปลี่ยนเป็น wma เพื่อให้ขนาดไฟล์นั้นมีขนาดที่เล็กลง เพราะหากเราใส่ไฟล์เพลงที่มีขนาดใหญ่เข้าไป กว่าเพลงจะเล่นได้ก็คงปิดเว็บไซต์เราไปแล้ว จริงมั้ย อดโชว์ของดีกันพอดี 

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องของ Session และ Cookie

เรื่องของ session
     Session เป็นคุณสมบัติของ PHP ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไปที่ช่วยในการติดตามและตรวจสอบสถานะต่างๆ ของผู้ใช้ โดยเราจะต้องสร้างตัวแปร session เพื่อเก็บค่าต่าง ๆ ที่ต้องการไว้ ซึ่งความคงอยู่ของตัวแปร session นี้จะขึ้นกับวินโดว์ของเว็บบราวเซอร์ ไม่ขึ้นกับไฟล์ PHP ที่สร้างตัวแปรนั้น กล่าวคือ หลังจากตัวแปร session ถูกสร้างขึ้นมาโดยไฟล์ PHP ไฟล์หนึ่งแล้ว เราจะสามารถอ้างอิงถึงตัวแปรนั้นได้จากไฟล์ PHP อื่นๆ ด้วย ตราบใดที่ผู้ใช้ยังคงเข้าถึงไฟล์ PHP ในเว็บไซท์ของเราโดยใช้วินโดว์เดิมอยู่

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับ session

ฟังก์ชั่น session _ start( )


session _ start( ) เป็นฟังก์ชั่นที่สั่งให้เริ่มต้นใช้งาน (initialize) session
 
รูปแบบ: session _ start( )
ฟังก์ชั่น session _ register( )


session _ register( ) เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ลงทะเบียนตัวแปรไว้ใน session ปัจจุบัน (ทำให้ตัวแปรนั้นกลายเป็นตัวแปร session) โดยสามารถลงทะเบียนได้มากกว่า 1 ตัวแปรพร้อมกัน การลงทะเบียนตัวแปรใดๆ ให้กลายเป็นตัวแปร session นั้น ก็เพื่อกำหนดให้ PHP เก็บรักษาค่าของตัวแปรนั้นไว้ ภายหลังจากที่ไฟล์ PHP นั้นสิ้นสุดการทำงานในเพจใดเพจหนึ่งไปแล้ว

ขณะที่เรียกฟังก์ชั่น session _ register( ) นี้ ถ้าหาก session ยังไม่เริ่มต้น (เราไม่ได้เรียกฟังก์ชั่น session _ start( ) ก่อน) PHP ก็จะเริ่มต้น session ให้เองโดยปริยาย
 
รูปแบบ: session _ register(ชื่อตัวแปร [, ชื่อตัวแปร ... ])
 
สำหรับตัวอย่างต่อไปนี้เราจะใช้ไฟล์ session _ register1.php สร้างตัวแปรชื่อ $myname ขึ้นมา ก่อนที่จะลงทะเบียนให้เป็นตัวแปร session จากนั้นในไฟล์ session _ register2.php เราจะสั่งให้แสดงค่าของตัวแปร $myname ออกมา
 
session _ register1.php

< ? php
session _ start(); //เรียกฟังก์ชั่น session_start() เพื่อเริ่มใช้งาน session$myname = "สุวิช สกิดตลิ่ง";
session _ register(" myname ");
?
>
นี่คือไฟล์ session _ register1.php
< br >< br >
< a href =" session _ register2.php">คลิกตรงนี้เพื่อเปิดไฟล์ session _ register2.php< /a >
session _ register2.php

< ? php
session _ start( ); //เรียกฟังก์ชั่น session _ start() เพื่อเริ่มใช้งาน session
?
>
นี่คือไฟล์ session _ register2.php< b r>< b r>
< ? php echo "ค่าของตัวแปร SESSION ของ myname คือ " . $ _ SESSION['myname'];  ? >

ฟังก์ชั่น session_unregister()


session_unregister() เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ยกเลิกการลงทะเบียนตัวแปร session หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ บอกให้ PHP ลืมตัวแปรนั้นไปเสีย

รูปแบบ: session_unregister(ชื่อตัวแปร)

ฟังก์ชั่น session_destroy()


session_destroy() เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ทำลายข้อมูลทั้งหมดของ session ปัจจุบัน

รูปแบบ: session_destroy()
 
ตัวอย่างการใช้งานตัวแปร Session


ตัวอย่างต่อไปนี้จะคล้ายคลึงกับตัวอย่างก่อนหน้านี้ แต่เราจะไฟล์ทั้งสิ้นจำนวน 3 ไฟล์ คือ

• ไฟล์ session_file1.php เป็นแบบฟอร์มให้กรอกชื่อผู้ใช้ โดยมีช่องรับข้อความชื่อ username เป็นตัวรับค่า
• ไฟล์ session_file2.php ทำหน้าที่ลงทะเบียนตัวแปร $username ไว้ใน session ปัจจุบัน พร้อมทั้งแสดงค่าของตัวแปรออกมา ตัวแปร $username นี้เป็นตัวแปรแบบโกลบอล (global variable) ที่ PHP สร้างขึ้นมาให้ โดย PHP จะนำค่าที่ได้รับจากช่องรับข้อความชื่อ username ในไฟล์ session_file1.php มากำหนดให้กับตัวแปรนี้ (เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง PHP กับแท็ก < form > ของ HTML ไม่เกี่ยวกับ session)
• ไฟล์ session_file3.php จะแสดงค่าของตัวแปร $username ออกมา เพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวแปร $username ยังคงมีตัวตนอยู่และเก็บรักษาค่าเดิมไว้ได้

session_file1.php


< ? php
session_start(); //เรียกฟังก์ชั่น session_start() เพื่อเริ่มใช้งาน session
session_unregister("username");
? >
< form action ="session_file2.php">
กรุณาป้อนชื่อผู้ใช้ (username) แล้วคลิกปุ่มoK < br >
<  input  type="text" name="username" >
<  input  type="submit" value=" OK " >
< / form>

session_file2.php

< ? php
session_start(); //เรียกฟังก์ชั่น session_start() เพื่อเริ่มใช้งาน session
$username = $_POST['usernae'];
msession_register("username");
? >
ชื่อผู้ใชี่คุณป้อนมาให้คือ
< ? php
echo $_SESSION['username'] ;
? >
< br >< a href="session_file3.php">คลิกตรงนี้เพื่อไปยังไฟล์ session_file3.php
session_file3.php
< ? php
session_start(); //เรียกฟังก์ชั่น session_start() เพื่อเริ่มใช้งาน session
echo "ชื่อผู้ใช้ของคุณยังคงเป็น " . $_SESSION['username'] ;
? >
< br >< a href="session_file1.php">คลิกตรงนี้เพื่อไปยังไฟล์ session_file1.php< / a>

การติดตามและตรวจสอบผู้ใช้ด้วย Cookie


Cookie หมายถึง ข้อมูลที่เราส่งไปเก็บไว้ในเครื่องของผู้ใช้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามผู้ใช้แต่ละคน โดยหลังจากที่เราส่ง cookie ไปยังเครื่องของผู้ใช้แล้วถ้าหาก cookie ยังไม่หมดอายุ (expire) เมื่อผู้ใช้เรียกดูไฟล์ PHP อื่น ๆ ในไดเร็คทอรีเดียวกับไฟล์ PHP ที่สร้าง cookie ขึ้นมา บราวเซอร์ก็จะส่ง cookie นั้นมายังเซิร์ฟเวอร์ ซึ่ง PHP จะนำ cookie มากำหนดเป็นตัวแปรให้เราสามารถตรวจสอบค่าได้ต่อไป
 
ฟังก์ชั่นที่ใช้ส่ง cookie ไปเก็บไว้ในเครื่องของผู้ใช้ทิ้งไป ให้เรียกฟังก์ชั่น setcookie() โดยระบุชื่อ cookie นั้น แต่ไม่ต้องระบุค่าและเวลาหมดอายุ เช่น ถ้าต้องการลบ cookie ชื่อ TestCookie ก็ให้ใช้บรรทัดคำสั่งต่อไปนี้
setcookie (“ TestCookie ”) ;
cookie_create.php


< ? php

//กำหนดให้ cookie หมดอาุหลังจากถูกสร้างแล้วเป็นเวลา 60 วินาที (1 นาที)
$c_name = "TestCookie";
$c_val = "123";
setcookie( $c_name, $c_val, time() + 60 );
echo "cookie ชื่อ $c_name ที่มีค่า $c_val ได้ถูกส่งไปยังเว็บบราวเซอร์แล้ว";
? >

< a href = "cookie_test.php">ตรวจสอบค่าของ cookie< /a >< br >

เมื่อเรียกใช้ไฟล์ cookie_create.php และคลิกที่ลิงค์ “ตรวจสอบค่าของ cookie” แล้ว cookie ชื่อ TestCookie ที่เราส่งไปยังบราวเซอร์ก็จะถูกแสดงค่าออกมา

ให้รีเฟรชเว็บเพจเป็นระยะๆ โดยการกดคีย์ F5 หลังจากนั้นประมาณ 1 นาทีก็จะปรากฏข้อความดังรูปขึ้นมาแทน ซึ่งบอกให้รู้ว่าขณะนี้ cookie ชื่อ TestCookie ได้หมดอายุแล้ว


เนื่องจาก cookie ที่เว็บเซิร์ฟเวอร์กับเว็บบราวเซอร์รับส่งกันนั้น เป็นข้อมูลในส่วนเฮดเดอร์ของโปรโตคอล HTTP ดังนั้นถ้าเราเรียกใช้ฟังก์ชั่น setcookie() ตามหลังฟังก์ชั่นอื่น ๆ ของ PHP ที่ใช้ส่งข้อมูลไปยังบราวเซอร์ ก็จะเกิดความผิดพลาดขึ้น ดังตัวอย่าง

cookie_error.php
< ? php
echo "ทดสอบ";
setcookie( " Test", "456", time() + 60);
? >

ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเขียนโค้ดในลักษณะนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ PHP จึงจัดเตรียมฟังก์ชั่นที่ใช้ทำ output buffering ไว้ เพื่อให้เรานำข้อมูลไปพักไว้ในหน่วยความจำชั่วคราว หรือบัฟเฟอร์ (buffer) ก่อน แล้วค่อยส่งข้อมูลเหล่านั้นไปยังบราวเซอร์ที่เดียวในตอนท้าย

ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับ Output Buffering


ฟังก์ชั่นสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับการทำ output buffering มีดังนี้
 
ฟังก์ชั่น ob_start()


เป็นฟังก์ชั่นที่เปิดการใช้งาน output buffering และสั่งให้มีการจองบัฟเฟอร์ไว้ โดยปกติเราจะเรียกฟังก์ชั่นนี้ที่บรรทัดแรกของไฟล์
 
ฟังก์ชั่น ob_end_flush()


เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้ส่งข้อมูลจากบัฟเฟอร์ไปยังบราวเซอร์ และปิดการใช้งาน output buffering โดยปกติเราเรียกฟังก์ชั่นนี้ที่

บรรทัดสุดท้ายของไฟล์
ob_test.php


< ? php
ob_start();
echo "ทดสอบ
"; //ลองใช้คำสั่ง echo ก่อนเรียก setcookie()
setcookie("Test", "456", time() + 60);
echo "ส่ง cookieชื่อ Test ไปยังเว็บบราวเซอร์แล้ว";
ob_end_flush();
? >